LED (Light Emitting Diode) เป็นแหล่งกำเนิดแสงชนิดใหม่ที่มีข้อดีคือประหยัดพลังงานสูง อายุการใช้งานยาวนาน และสีสันสดใส จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณสมบัติทางกายภาพของตัว LED และกระบวนการผลิต ความเข้มของแสงสีต่างๆ จะแตกต่างกันเมื่อแหล่งกำเนิดแสง LED เปล่งแสง ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างสีของผลิตภัณฑ์ไฟ LED เพื่อแก้ปัญหานี้ CRI (Color Rendering Index หรือที่แปลเป็นภาษาจีนว่า "ดัชนีการคืนสภาพสี") จึงถือกำเนิดขึ้น
ดัชนี CRI เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญในการวัดการสร้างสีของผลิตภัณฑ์ไฟ LED กล่าวโดยสรุป ดัชนี CRI คือค่าประเมินสัมพัทธ์ที่ได้จากการเปรียบเทียบการสร้างสีของแหล่งกำเนิดแสงภายใต้สภาพแสงกับแหล่งกำเนิดแสงธรรมชาติภายใต้สภาพแสงเดียวกัน ช่วงค่าดัชนี CRI อยู่ระหว่าง 0-100 ยิ่งค่าสูงเท่าใด การสร้างสีของแหล่งกำเนิดแสง LED ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น และยิ่งใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น
ในทางปฏิบัติ ค่าดัชนี CRI ยังไม่เทียบเท่ากับคุณภาพการแสดงสีที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ไฟ LED ที่มีค่าดัชนี CRI สูงกว่า 80 สามารถตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้แล้ว ในบางโอกาสพิเศษ เช่น นิทรรศการศิลปะ การผ่าตัดทางการแพทย์ และโอกาสอื่นๆ ที่ต้องการการแสดงสีที่แม่นยำสูง จำเป็นต้องเลือกใช้หลอดไฟ LED ที่มีค่าดัชนี CRI สูง
โปรดทราบว่าดัชนี CRI ไม่ใช่ตัวบ่งชี้เดียวที่ใช้วัดการสร้างสีของผลิตภัณฑ์ไฟ LED ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี LED ตัวบ่งชี้ใหม่ๆ บางอย่างจึงค่อยๆ ถูกนำมาใช้ เช่น GAI (ดัชนีพื้นที่ Gamut หรือในภาษาจีนคือ "ดัชนีพื้นที่ขอบเขตสี") และอื่นๆ
กล่าวโดยสรุป ดัชนี CRI เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญในการวัดค่าสีของผลิตภัณฑ์ไฟ LED และมีค่าการใช้งานจริงสูง ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี เชื่อว่าค่าสีของผลิตภัณฑ์ไฟ LED จะดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมแสงที่สะดวกสบายและเป็นธรรมชาติมากขึ้นสำหรับผู้คน
เวลาโพสต์: 16 พฤษภาคม 2566